“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นหลักปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า และกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ชนชาวไทยได้น้อมนำมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น ทำไร่นาสวยผสม ปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ ปลูกผักปลอดสารพิษไว้รับประทานในครอบครัว ใช้จ่ายอย่างประหยัด จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายในครัวเรือน เพื่อให้เห็นปัญหาข้อบกพร่องในการใช้จ่าย จะได้ตรวจสอบว่าสิ่งใดสมควรซื้อ สิ่งใดไม่สมควรซื้อ จะได้ลดค่าใช้จ่ายลง เป็นต้น
เมื่อกล่าวถึงคำว่า “พอเพียง” แล้ว คงต้องกล่าวถึงคำว่า “พอดี” ควบคู่กันไป เพราะ ความพอดี ก็คือความพอเพียง เมื่อรู้จักพอ ก็จะทำให้จิตใจเป็นสุข ถ้าใจเป็นสุขก็จะไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น รู้จักให้ทาน รู้จักแบ่งปัน รู้จักเสียสละ ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า เหล่านี้คือ ความพอดีพอเพียง และในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักปฏิบัติ ที่ต้องคำนึงถึง ประกอบด้วย ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข กล่าวคือ เน้นการปฏิบัติในทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ๓ คุณลักษณะ ได้แก่ ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี ส่วน ๒ เงื่อนไขได้แก่ เงื่อนไขความรู้ และเงื่อนไขคุณธรรม
การดำเนินชีวิตโดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อย่างมีความสุขนั้น ผู้ที่นำมาปฏิบัติให้เกิดเป็นผลจะต้องเป็นผู้มีความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ในการใช้วิชาความรู้ที่ตนมี ควบคู่ไปกับคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต ขยันอดทน ใช้สติปัญญา และรู้จักแบ่งปัน รู้จักประมาณตน มีเหตุ มีผล และมีความมุ่งมั่น มีภูมิคุ้มกันที่ดี จึงจะนำไปสู่ชีวิตที่มีความพอเพียง อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล มั่นคง มั่งคั่ว ยั่งยืน และมีความเป็นสุข ดังคำขวัญที่ว่า
“เศรษฐกิจดี สังคมมีวัฒนธรรม
ขยันหา ขยันทำ รักพ่อต้อง “พอเพียง”